การขายทอดตลาด
1.
การมอบอำนาจสั่งและปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสรรพากรในการใช้อำนาจตามมาตรา
12 แห่งประมวลรัษฎากร
ในการสั่งยึด หรืออายัด และขายทอดตลาดทรัพย์สินนั้นจะมอบอำนาจให้ได้เฉพาะรองอธิบดี
หรือสรรพากรภาค เท่านั้น (หนังสือที่
กค 0706 (กม.04)/405 ลว. 18 เมษายน 2546)
2. ส่วนในจังหวัดอื่นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอนั้น
รวมถึงผู้รักษาการแทนด้วย (หนังสือที่
กค 0802/12582 ลว. 12 กันยายน 2529)
3. กรณีได้ขายทอดตลาดทรัพย์สินตามประกาศกรมสรรพากรเรื่องขายทอดตลาดทรัพย์สินจำนวน
3 ครั้งแล้ว
ปรากฏว่าไม่สามารถขายทอดตลาดได้ สำนักงานสรรพากรพื้นที่จะต้องรายงานสรรพากรภาค
ในฐานะผู้มีอำนาจสั่งขายทอดตลาดทรัพย์สินเพื่อพิจารณาสั่งการและลงนามอนุญาตให้ขายทอดตลาดทรัพย์สินต่อไป (หนังสือที่ กค 0732/12703 ลว. 22 ธันวาคม 2546)
4. คณะกรรมการขายทอดตลาดไม่มีอำนาจโอนกรรมสิทธิ์ให้กับผู้ซึ่งชำระเงินแก่กรมสรรพากร
ที่มิได้เป็นการซื้อจากการประมูลขายทอดตลาดทรัพย์สินของผู้ค้างภาษีอากรค้าง (หนังสือที่ กค 0811/5693 ลว. 22 พฤศจิกายน 2539)
5. หากที่ดินซึ่งจะดำเนินการขายทอดตลาดมีภาระจำยอม
คณะกรรมการขายทอดตลาดจะต้องแจ้งให้ผู้ซื้อรับทราบเงื่อนไขภาระจำยอมของที่ดินดังกล่าวด้วย (หนังสือที่ กค 0811 (กม)/836 ลว. 1 กันยายน 2540)
6. ในกรณีที่มีผู้ร้องคัดค้านการขายทอดตลาด
ว่าการประเมินนั้นเนื่องมาจากมีการปลอมเอกสาร
โดยอ้างว่าจะได้ดำเนินการฟ้องศาลขอให้เพิกถอนหรือทำลายสัญญาปลอม
เจ้าหน้าที่ควรชะลอการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าว
และติดตามก่อนว่ามีการฟ้องคดีทางศาลหรือไม่
และผลของคดีเป็นอย่างไร (หนังสือด่วนที่สุดที่
กค 0802/752 ลว. 18 มกราคม 2536)
7. หากมีผู้อ้างว่าที่ดินซึ่งดำเนินการขายทอดตลาดนั้นเป็นกรรมสิทธิ์รวมเมื่อเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆแล้วเห็นว่าเป็นกรรมสิทธิ์รวม
กรมสรรพากรจะต้องคืนเงินส่วนนั้นให้กับผู้ร้องนั้น
(หนังสือที่ กค 0811/5816 ลว. 28 มิถุนายน 2545)
8. ในกรณีที่ดินซึ่งดำเนินการขายทอดตลาดนั้นติดจำนองอยู่
เมื่อขายทอดตลาดที่ดินนั้นแล้ว
จะต้องนำไปชำระหนี้จำนองพร้อมดอกเบี้ยก่อน เงินที่เหลือจึงจะนำมาชำระหนี้ภาษีอากรค้าง (หนังสือที่
กค 0811/ก.130 ลว. 6 สิงหาคม 2544)
9. ในกรณีผู้ค้างนำทรัพย์สินอันเป็นกรรมสิทธิ์ของตนมาจดทะเบียนจำนองเป็นประกันการชำระภาษีอากรกับกรมสรรพากร
กรมสรรพากรสามารถใช้อำนาจตามมาตรา 12 แห่งประมวลรัษฎากร ยึดและขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวโดยมิต้องฟ้องบังคับจำนองก่อนก็ได้แต่หากที่ดินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้อื่น
กรมสรรพากรจะต้องฟ้องบังคับจำนองเอากับทรัพย์สินจำนองเท่านั้น
จะใช้อำนาจตามมาตรา 12 แห่งประมวลรัษฎากร
ไม่ได้เนื่องจากไม่ใช้ทรัพย์สินของผู้ค้างภาษีอากร (หนังสือที่ กค 0811/5214 ลว. 12 มิถุนายน 2545)
10. การโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินจากการขายทอดตลาดนั้น
หากผู้ซื้อได้ประสงค์จะให้โอนให้แก่บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ซื้อจากการขายทอดตลาด
กรมสรรพากรมีอำนาจที่จะทำการโอนดังกล่าวได้
แต่ต้องชำระให้กรมสรรพากรครบถ้วนก่อน (หนังสือที่ กค 0802/5301 ลว. 30 เมษายน 2529)
11. กรณีหุ้นส่วนจำกัดความรับผิดยินยอมให้ห้างฯ
ใช้ชื่อของตนระคนกับห้างฯ จึงต้องรับผิดในหนี้ภาษีอากรค้าง
เสมือนเป็นหุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิด จึงสามารถใช้อำนาจตามมาตรา 12 กับหุ้นส่วนคนนั้นได้ (หนังสือที่
กค 0811(กม.10)/229 ลว. 21 ธันวาคม 2542)
12. ที่ดินที่ตั้งอาคารชุดและที่ดินที่มีไว้เพื่อใช้หรือเพื่อประโยชน์ร่วมกันอันเป็นทรัพย์ส่วนกลางนั้นไม่สามารถยึดและขายทอดตลาดได้
ตามพ.ร.บ.อาคารชุด พ.ศ.2522 แต่กรรมสิทธิ์ในห้องชุด แต่ละห้องนั้นสามารถยึดและขายทอดตลาดได้
(หนังสือที่ กค 0802(กม)/912 ลว. 21 เมษายน 2536 และหนังสือที่ กค 0811(กม.04)/468 ลว. 28 มีนาคม 2543)
13. กรณีที่ผู้ค้างภาษีอากรมีเจตนาอุทิศที่ดินเพื่อสร้างวัด
ที่ดินดังกล่าวก็ตกเป็นของวัดทันที
โดยมิต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการยกให้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
จึงไม่อยู่ในความรับผิดชอบแห่งการบังคับคดี
ไม่สามารถยึดและขายทอดตลาดได้ (หนังสือด่วนที่สุดที่ กค 0811/ก.592 ลว. 18 กันยายน 2543)
14. ในกรณีที่บริษัทถูกประเมินภาษีในฐานะตัวแทนของตัวการซึ่งเป็นบริษัทในต่างประเทศ
หากตัวการนั้นมีทรัพย์สินอยู่ในประเทศไทย
ย่อมมีอำนาจยึดหรืออายัดและขายทอดตาดทรัพย์สินนั้นได้
(หนังสือด่วนที่ กค 0802/3428 ลว. 9 มีนาคม 2530)
15. ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงเลื่อยเป็นใบอนุญาตที่ออกให้ตามความใน
พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ.2484 ซึ่งสามารถโอนได้เมื่อได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
จึงสามารถดำเนินการยึด
หรืออายัดและขายทอดตลาดสิทธิตามใบอนุญาตได้เมื่อได้รับความยินยอมจากพนักงานเจ้าหน้าที่ดังกล่าว (หนังสือด่วนมากที่ กค 0802/26172 ลว. 24 ธันวาคม 2536)
16. หากปรากฏว่าปีภาษีใดสามีมีเงินได้ฝ่ายเดียวแล้วหนี้ภาษีอากรเกิดขึ้นเนื่องจากเงินได้ของสามีเพียงฝ่ายเดียวดังกล่าว
ภริยาก็ไม่ต้องรับผิดในการเสียภาษีที่ค้างชำระ
ตามมาตรา 57 ตรี
แห่งประมวลรัษฎากร จึงยึดและขายทอดตลาดทรัพย์สินเฉพาะสินส่วนตัวของสามีหากไม่พอชำระหนี้ก็สามารถยึดสินสมรสได้
แต่เมื่อมีการขายทอดตลาดแล้ว
จะนำเงินมาชำระภาษีอากรค้างได้เฉพาะตามส่วนของสามีเท่านั้น
แต่ถ้าปรากฏว่าในปีภาษีที่ถูกประเมินดังกล่าวภริยามีเงินได้แม้เจ้าพนักงานจะมิได้นำมารวมคำนวณเพื่อประเมินภาษีด้วยก็ตาม
ก็ถือว่าเป็นกรณีที่มีเงินได้ทั้งสองฝ่ายแล้ว
เมื่อได้แจ้งให้ภริยาทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า
7 วัน
ภริยาก็ต้องร่วมรับผิดในหนี้ภาษีอากร
ตามมาตรา 57 ตรี
แห่งประมวลรัษฎากร แต่ถ้าเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยาตามมาตรา
1490 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์.
ที่มิได้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามมาตรา 57 ตรี จะต้องดำเนินคดีทางศาล จะใช้อำนาจตามมาตรา 12 แห่งประมวลรัษฎากร ยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของภริยาไม่ได้
(หนังสือที่
กค 0802/17720 ลว. 7 สิงหาคม 2538 ,หนังสือที่ กค 0802/10114 ลว. 13 มิถุนายน 2538,หนังสือที่
กค 0811(กม.12/923 ลว. 27 มิถุนายน 2545)
17. กรณีห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นหนี้ภาษีอากร
สามารถยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดทรัพย์สินของหุ้นส่วนผู้จัดการได้ทั้งสินส่วนตัวและสินสมรส
แต่ในส่วนของสินสมรสนั้นแม้จะปรากฏว่าเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยาด้วยก็ตาม
แต่เนื่องหนี้ร่วมดังกล่าวเกิดจากมูลหนี้ของ
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไม่ใช่ของสามีโดยตรง ไม่สามารถใช้อำนาจตามมาตรา 12 แห่งประมวลรัษฎากรดำเนินการยึดหรืออายัด
และขายทอดตลาดทรัพย์สินส่วนตัวและสินสมรสส่วนของภริยาได้
คงต้องดำเนินคดีทางศาลต่อไป (หนังสือที่
กค 0802/5714 ลว. 10 เมษายน 2539)
18. กรณีสิทธิการเช่าอาคารนั้น ถ้ามีข้อสัญญายกเว้นให้โอนก็ได้
ถ้าได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า สิทธิการเช่านั้นสามารถยึดและขายทอดตลาดได้
แต่ในการนำออกขายทอดตลาดหรือโอนสิทธิการเช่าจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า (หนังสือที่ กค 0802(กม)/105 ลว. 21 มกราคม 2537)
19. สิทธิตามสัมปทานป่าเลนไม่เป็นสิทธิเฉพาะตัว
เพียงแต่ตามข้อ 26 แห่งสัมปทานทำไม้หวงห้ามธรรมดา
(ไม้ป่าเลน) ระบุให้อำนาจผู้ให้สัมปทานมีอำนาจที่จะสั่งเพิกถอนสัมปทานได้เท่านั้น
ก่อนขายทอดตลาดจึงต้องติดต่อประสานงานกับผู้ให้สัมปทานเสียก่อน
เพื่อขอสิทธิให้ผู้ซื้อจากการขายทอดตลาดมีสิทธิในสัมปทานนั้นเสียก่อน
(หนังสือที่ กค 0802/4543 ลว. 19 เมษายน 2538)
20. หากสภาพที่ดินของผู้ค้างภาษีอากรเป็นซอยซึ่งประชาชนใช้เป็นทางออกเป็นเวลานาน
หากไม่มีข้อเท็จจริงใดพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้ค้างภาษีอากรได้แสดงเจตนาหรืออุทิศให้เป็นทางสาธารณประโยชน์แล้ว
ก็สามารถยึดและขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวได้
(หนังสือที่ กค 0811(กม)/939 ลว. 8 กันยายน 2540)
21. กรณีผู้ค้างชำระภาษีอากรได้ชำระมูลค่าหุ้นเต็มจำนวนแล้ว
หุ้นจึงเป็นทรัพย์สินของผู้ถือหุ้น
ซึ่งสามารถยึด หรืออายัด และขายทอดตลาดได้ (หนังสือที่ กค 0811/3376 ลว. 4 ตุลาคม 2539)
22. กรณีที่มีผู้คัดค้านเกี่ยวกับการยึดทรัพย์สินว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์รวมที่มีการแบ่งการครอบครองเป็นส่วนสัดแล้ว
ให้เจ้าหน้าที่ตรวจดูว่าที่ดินดังกล่าวได้แบ่งการครอบครองเป็นส่วนสัดหรือไม่
หากแบ่งกันเป็นส่วนสัดแล้วต้องถอนการยึดทรัพย์สินในส่วนที่มิใช่ของผู้ค้างภาษีอากรนั้น
จะทำการขายที่ดินนั้นทั้งแปลงมิได้
(หนังสือด่วนที่สุดที่ กค 0802(กม)/110 ลว. 24 มกราคม 2537)
23. การคัดค้านการยึดทรัพย์สินนั้น
ต้องเป็นการคัดค้านว่าทรัพย์สินนั้นมิใช่ของผู้ค้างภาษีอากร
การที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ฯ
ขอถอนการยึดทรัพย์สินเพื่อจะนำที่ดินไปดำเนินการตามขั้นตอนของบริษัทฯ
จึงมิใช่การคัดค้านการยึดทรัพย์สิน นั้น
และเมื่อทรัพย์สินนั้นเป็นของผู้ค้างภาษีอากร
ก็สามารถดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าวได้
(หนังสือด่วนที่สุดที่ กค 0811/03096 ลว. 2 เมษายน 2542)